มาดู 7 อาหารที่ไม่ควรกินกับยา เพราะผลข้างเคียงเยอะและอันตราย

หลายคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับอันตรายกิริยาระหว่างยากับอาหารที่เราทานก่อนหน้าทานยา หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “ยาตีกัน” กันมาบ้างว่ามีอันตรายอย่างมาก คราวนี้เราขอมาโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวอย่าง “การตีกันระหว่างอาหารกับยา” กันบ้าง เพราะอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือเป็นพิษได้ รวมถึงทำให้การรักษาไม่ได้ผลก็เป็นได้ค่ะ

1. ผลไม้ตระกูลส้มโอหรือเกรปฟรุต มีข้อมูลว่าผลไม้ชนิดนี้ ตีกันกับยาหลายรายการ เช่น ยาลดไขมันในเลือด atorvastatin, ยาคลายเครียด alprazolam, ยาต้านเกล็ดเลือด clopidogrel ฯลฯ โดยผลที่เกิดขึ้น มีทั้งเพิ่มระดับยาในเลือดให้เพิ่มสูงขึ้น จนเกิดความเป็นพิษ หรือลดระดับยาในเลือดจนกระทั่งยาไม่ออกฤทธิ์

2. อาหารและเครื่องดื่มที่มีกรดผสมอยู่ อาหารและเครื่องดื่ม เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว, ช็อกโกแลต, น้ำอัดลม, โซดา และอาหารที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศอย่างซอสมะเขือเทศ จะส่งผลให้ร่างกายดูดซึมเคมีจากตัวยาปฏิชีวนะได้น้อยลง จากที่อาการป่วยจะหายเพราะยาเหล่านี้ เชื้อโรคและแบคทีเรียก็ไม่ไปง่ายๆ

3. กระเทียม มีข้อมูลว่ากระเทียมสามารถตีกับยาหลายรายการ เช่น ยาต้านไวรัส HIV amprenavir หรือ ritonavir, เสริมฤทธิ์กับแอสไพรินทำให้เลือดออกง่ายขึ้นและมากขึ้น เสริมฤทธิ์กับยาต้านเกล็ดเลือด clopidogrel ทำให้เลือดออกมากขึ้น เสริมฤทธิ์กับยาวาร์ฟารินทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น

4. ผลิตภัณฑ์จากนม แคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นมจะเข้าไปขัดขวางร่างกายให้ดูดซึมยาปฏิชีวนะได้ยาก

5. แปะก้วย โดยแปะก้วยเสริมฤทธิ์กับยาต้านเกล็ดเลือด ทำให้เกิดเลือดออกได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น นอกจากนั้นแปะก้วยยังตีกันกับยาอีกหลายชนิด เช่น ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาด้วยยา carbamazepine ลดลง, ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงจากยา escitalopram มากขึ้น

6. น้ำมันปลา โดยน้ำมันปลาสามารถตีกันกับวาร์ฟารินได้ โดยเสริมฤทธิ์ทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น นอกจากนี้ถ้ากินน้ำมันปลาในขนาดที่สูงมากๆ ก็มีผลเปลี่ยนแปลงสมดุลการแข็งตัวของเลือดได้ด้วย

7.น้ำทับทิม พบว่าน้ำทับทิมตีกันกับยาวาร์ฟารินได้เช่นกัน โดยเพิ่มความเสี่ยงของการทำให้เลือดออก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *