ส่วนผสม
- เนื้อปลากราย 1 กิโลกรัม
- เครื่องแกง
- พริกแห้ง
- น้ำตาล 4 ส่วน
- เกลือ 2 ส่วน
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ถั่วพู
- ใบมะกรูดซอย
วิธีทำ
- เนื้อปลากรายล้วนผู้คนนิยมนำมาทำทอดมันกับลูกชิ้น ตะโกจับฟรีซจนเกือบแข็งขึ้นเกล็ด เพื่อให้เนื้อปลาเหนียวขึ้นจึงต้องใช้ความเย็นในการยับยั้งแบคทีเรียที่จะทำให้เนื้อปลาเสื่อมสภาพ เพราะหากเนื้อปลาถูกแบคทีเรียย่อยสลายก็จะทำให้เนื้อปลาไม่เกิดเจล เจลในเนื้อปลาเป็นการเปลี่ยนแปลงของโปรตีน ถ้ารักษาระดับไว้ได้จะทำให้เนื้อปลามีคุณภาพที่ดีเหมือนในขบวนการผลิต Surimi (เนื้อปลาบดแช่แข็ง) นั่นเอง
- เนื้อปลาที่เป็นเกล็ดน้ำแข็งนำมาหั่นแล้วสับด้วยมีด หรือจะใช้ตำก็ได้เพื่อให้เนื้อปลาเป็นเนื้อเดียวกัน
- ใช้น้ำแข็งในอัตราส่วน 7% ใส่ลงไปในเนื้อปลาแล้วตีด้วยเครื่องทุ่นแรง น้ำแข็งบ้านตะโกอยู่ห่างไกลชนบท คนแถวนี้มักจะทำน้ำแข็งกินเองด้วยการใส่น้ำลงในถุงแล้วแช่ฟรีซ ใช้เป็นน้ำแข็งใส่ในน้ำดื่ม ใส่ขนมหวาน หรือแช่ผักให้มีความกรอบขึ้น
- พริกชี้ฟ้าแห้งจากสมาชิกท่านหนึ่งได้ส่งมาให้ตะโกทำอาหาร ขอบพระคุณมาก ๆ ครับ ถ้าไม่มีพริกแห้งบางช้าง คงทำเมนูนี้ไม่ได้แน่ ๆ
- ถั่วพูปลูกเอง ออกฝักดก เลือกเอาฝักอ่อน ๆ
- นำเครื่องปรุงไปตำละเอียด เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในทอดมัน เครื่องปรุงรสใช้น้ำตาล 4 ส่วน เกลือ 2 ส่วน ไข่ไก่ 3 ฟองต่อเนื้อปลา 1 กิโลกรัม
- ตามด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย
- แล้วนำไปทอดชิมรสชาติ
- เมื่อชิมรสชาติได้แล้ว ก็พักไว้ในตู้เย็นก่อนทอด
- ใช้น้ำมันแตะมือและนิ้วป้องกันเนื้อปลาติด บางท่านอาจจะใช้น้ำเปล่าก็ได้ แต่ตะโกไม่ชอบให้มีน้ำลงไปในตัวทอดมัน จึงใช้น้ำมันพืชแทน
- รอยนิ้วแนบเนื้อปลา เสมือนว่าแม่ทำให้ รสชาติตรึงจิตใจ เนื้อด้านในเหนียวนุ่มนวล
- สังเกตได้ที่เนื้อปลาเวลาหั่นครึ่ง ทั้งทอดมันและแกงเขียวหวาน เนื้อปลามีความแน่นตัน ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งอร่อย ทั้งเหนียวและหนุบหนับ ยิ่งต้องทำให้รีบเคี้ยวแล้วกลืนไว ๆ เพื่อตักชิ้นใหม่มากินต่อ
- ทอดมันมีความเหนียวของปลาชูโรง รสชาติหอมกลิ่นเครื่องแกง มีความเค็มหวานเผ็ดไม่มาก แกงเขียวหวานหอมกะทิและกลิ่นเครื่องแกงสดครบรส มันหอมเผ็ดหวานตาม เนื้อปลาได้เป็นพระเอกทั้งสองเมนู