ทำไมคนถึงหลั่งน้ำตาตอนตาย ในที่สุดวิทยาศาสตร์ก็มีคำตอบ เกิดอะไรขึ้นช่วงนาทีสุดท้าย?!

ทำไมคนถึงหลั่งน้ำตาก่อนตาย พวกเขาเห็นอะไรกันแน่ หรือหลังความตายอวัยวะต่างๆ หยุดทำงานแล้ว แต่ทำไมบางคนยังร้องไห้ได้ ในที่สุดวิทยาศาสตร์ก็มีคำตอบ!

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกฎแห่งธรรมชาติ ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังความตายอวัยวะทุกส่วนในร่างกายมนุษย์หยุดทำงานแล้ว ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมที่เพิ่งเสียชีวิตจึงมักยังมีน้ำตาไหลออกมาได้อยู่? เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ คนที่เชื่อโชคลางหลายคนจะมีการอนุมานเรื่องเหนือธรรมชาติมากมาย แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็มีคำอธิบายแล้วเช่นกัน

น้ำตามีหน้าที่อะไร?

จากมุมมองทางชีววิทยา น้ำตาเป็นของเหลวใสที่ต่อมน้ำตาของมนุษย์หลั่งออกมา ส่วนประกอบหลักคือน้ำ เกลืออนินทรีย์และโปรตีนจำนวนเล็กน้อย หน้าที่หลักของน้ำตาคือการป้องกันไม่ให้ดวงตาได้รับความเสียหายจากสารภายนอกบางชนิด ซึ่งมีบทบาทในการปกป้องที่สำคัญมาก

เช่น เมื่อเราทำงานเป็นเวลานาน มองดูโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้ดวงตาทำงานหนักเกินไป ความเมื่อยล้าดวงตาและร่างกาย จะส่งผลให้มนุษย์หาวและหลั่งน้ำตาจากต่อมน้ำตาตามสัญชาตญาณ เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ลูกตาและทำให้เส้นประสาทสงบลง

นอกจากนี้น้ำตายังมีผลที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง นั่นคือสามารถปล่อยสารพิษออกมาได้จำนวนหนึ่ง ผู้คนหลั่งน้ำตาไม่เพียงเพื่อรับมือกับความเครียดเท่านั้น แต่ในหลายกรณีที่อารมณ์มีความผันผวน ต่อมน้ำตาจะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยเช่นเดียวกัน

น้ำตาได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ที่แตกต่างกัน น้ำตาที่ไหลออกมาเวลาดีใจหรือตื่นเต้นมีแร่ธาตุเพิ่มมากขึ้น น้ำตาประเภทนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ อย่างไรก็ตาม น้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อคุณเศร้า ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารพิษในปริมาณเล็กน้อย ดังนั้น การร้องไห้ในเวลานี้ ไม่เพียงสามารถระบายอารมณ์ภายในของคุณได้ แต่ยังเป็นกระบวนการล้างพิษของร่างกายมนุษย์เป็นหลักด้วย

ทำไมคนใกล้ตายมักจะหลั่งน้ำตา?

เมื่อบุคคลกำลังจะเสียชีวิต หรือเพิ่งจะหมดลมหายใจจากไป การร้องไห้เป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด แม้ว่าอวัยวะทั้งหมดจะหยุดทำงานหลังความตายก็จริง แต่สมองซึ่งควบคุมทั้งร่างกายจะยังไม่หยุดทำงานทันที เส้นประสาทที่คอยดูแลภายในของสมองยังคง “วิ่ง” ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ในอดีตมีการทดลองอันโด่งดังเพื่อพิสูจน์ว่า สมองยังคงมีสติอยู่หลังความตายหรือไม่? ผู้ทำการทดลองคือนักเคมีชื่อดังอย่าง “ลาวัวซิเอร์” (Lavoiser) นักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศสรายนี้ถูกประหารชีวิต ด้วยข้อหาทำการกดขี่ข่มเหงพลเมืองด้วยการรีดนาทาเร้นภาษี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1794 ขณะอายุได้ 51 ปี และเขาใช้ความตายของตนเองเพื่อการวิจัยนี้

โดยบอกเพชฌฆาตว่าหลังจากการประหารชีวิตแล้ว เขาจะพยายามกระพริบตาซ้ำๆ เพื่อดูว่าตนเองจะยังมีสติอยู่หลังความตายหรือไม่ และจิตสำนึกนี้จะคงอยู่ได้นานแค่ไหน ผลการวิจัยพบว่าหลังจากสมองตาย สติสัมปชัญญะยังคงมีอยู่ และสามารถคงอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ สมองของมนุษย์มีสติอ่อนแอเมื่อกำลังจะตาย และผู้คนมักจะจดจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาเคยประสบพบเจอมาในชีวิตขึ้นๆ ลงๆ ความเสียใจและความกังวลที่ยังไม่สิ้นสุด ยังไม่หมดห่วง ไม่สามารถปล่อยวางได้ ทำให้สามารถหลั่งน้ำตาอันเจ็บปวดออกมาได้เพราะอารมณ์บั้นปลายของชีวิต ซึ่งน้ำตาจะไหลตามธรรมชาติแม้ว่าหัวใจจะหยุดเต้นแล้วก็ตาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *